สตีเว่นรับแห้วพรีเมียร์จุดไฟเป็นโค้ช-ยกค่ำคืนอิสตันบูลคือที่สุด

สตีเว่น เจอร์ราร์ดตำนานมิดฟิลด์ลิเวอร์พูลยอมรับว่าการไม่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมีส่วนบันดาลใจให้จับงานผู้จัดการทีมรวมถึงยืนยันว่าค่ำคืนที่ผงาดเป็นจ้าวยุโรปในอิสตันบูลคือช่วงเวลาซึ่งเป็นที่สุดตลอดกาลของเขา

อดีตแข้งวัย 37 ปีรับใช้’หงส์แดง’มา 17 ปีแต่ไม่อาจช่วยทีมสมหวังแชมป์พรีเมียร์ลีกโดยปัจจุบันเขาผันตัวมาเป็นกุนซือลิเวอร์พูลรุ่น U18 (อายุไม่เกิน 18 ปี)

เจอร์ราร์ดกล่าวในงานเลเจนด์ ออฟ ฟุตบอล อวอร์ด 2017 ที่กรุงลอนดอนเมื่อวันจันทร์ว่า “มันไม่ใช่ความลับว่าผมเจอจุดตกต่ำบ่อยครั้งตลอดเส้นทางค้าแข้ง”

“ผมเชื่อว่าตัวเองขึ้นสู่จุดสูงได้ก็ด้วยความเจ็บปวดและการต้องสู้ทนผ่านช่วงเวลาตกต่ำ มันทำให้คุณลุกขึ้นมาเริ่มต้นใหม่และมุ่งหน้าไขว่คว้าความสำเร็จ”

“ผมจะไม่มีวันปล่อยวางหนึ่งในรอยด่างพร้อยนั่นคือการไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ผมยังรู้สึกมันโหดร้ายและยกไว้เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างมาก”

“มันคือหนึ่งในเหตุผลที่ผมไม่ยอมแพ้ในเส้นทางลูกหนังและจะพยายามชดเชยมันต่อไปตลอดทาง”

“ผมรู้สึกว่าตัวเองรู้เยอะแล้วเรื่องฟุตบอลและหลายคนน่าจะได้ประโยชน์จากมันซึ่ง ณ ตอนนี้ผมก็พยายามทำในส่วนของตัวเองในอคาเดมี่อยู่ ผมสนุกกับบทบาทนี้มาก สโมสรก็สนับสนุนเต็มที่ ตลอดทางผมพลาดมาเยอะแต่ก็เรียนรู้ตรงนี้อยู่”

“ผมหวังว่าวันหนึ่งจะได้คุมทีมและฝึกสอนในระดับสูงสุดและต่อเติมความสำเร็จในเส้นทางลูกหนังอีกเยอะๆ นี่แหละเหตุผลที่ผมทำมันอยู่ ผมโตมาโดยที่อยากจะโลดแล่นในวงการฟุตบอลและประสบความสำเร็จ”

“ความล้มเหลวมันมีค่าให้ก้าวผ่านเพื่อประสบความสำเร็จ ผมอยู่ในที่ที่ดีและมีความสุข ผมดีใจมากที่ได้อยู่อคาเดมี่ค่อยช่วยเหลือเด็กๆดาวรุ่งพวกนี้”

อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในปี 2005 ที่สนามอตาเติร์กในอิสตันบูลประเทศตุรกีโดยจบครึ่งแรกลิเวอร์พูลตามเอซี มิลานแต่ครึ่งหลังสร้างปาฏิหาริย์ตีเสมอ 3-3 ก่อนที่พวกเขาจะชนะการดวลจุดโทษคว้าแชมป์ในบั้นปลาย

เมื่อถูกถามถึงช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุด’หัวขิง’ตอบว่า “อิสตันบูล มันจะเป็นคำตอบของผมไปตลอดกาล มันคือค่ำคืนสุดพิเศษที่ผมไม่เคยนึกฝันว่าจะพบเจอ ผมโตมาโดยฝันอยากเล่นให้ลิเวอร์พูลแค่นั้นไม่ได้ฝันถึงการคว้าแชมป์แล้วยิ่งแชมป์ใบใหญ่สุดในบรรดาทั้งหมดด้วย”

“การได้แชมเปี้ยนส์ ลีกกับทีมรักตั้งแต่เด็กแถมเป็นกัปตันและได้ชูถ้วย ผมไม่มีวันเบื่อที่จะพูดถึงมัน มันจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตผมตลอดไป”

บทวิเคราะห์อื่นที่น่าสนใจ