อูไน เอเมรี กุนซือเจ้าบ้าน เปลี่ยนนักเตะจากเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ที่บุกถล่มเซลติก 5-0 เพียงแค่ 2 รายเท่านั้น ได้แก่ เพรสเนล คิมเพมเบ้ กับ ยูเลียน ดรักซ์เลอร์ ซึ่งได้ลงตัวจริงแทน มาร์ควินญอส และ มาร์โก แวร์รัตติ
ด้านทีมเยือนของ บรูโน เชเนซิโอ เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-2-3-1 วาง มาเรียโน ดิอาซ อดีตหอกเรอัล มาดริด ยืนค้ำหน้าเป้าคอยทำเกมรุกร่วมกับ นาบิล เฟคีร์, แบร์กทร็องด์ ตราโอเร อดีตแข้งเชลซี และ เมมฟิส เดปาย อดีตปีกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เกมในช่วง 45 นาทีแรก เป็นฝั่งของเปแอสเชที่พยายามครองบอลบุกเพื่อหวังพังประตูขึ้นนำให้ได้ แต่ก็ยังไม่เด็ดขาดพอที่เจาะทะลายแนวรับของลียงได้เลย ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอกันแบบไร้สกอร์อยู่ที่ 0-0
ครึ่งหลังเศรษฐีแห่งกรุงปารีสก็ยังคงเป็นฝ่ายบุกแล้วบุกเล่าเพื่อต้องการปลดล็อคยิงออกนำ จนกระทั่งนาทีที่ 75 ก็มาทำสำเร็จแบบมีโชคช่วยเล็กน้อย จากจังหวะที่ โจวานี โล เซลโซ เปิดบอลทางสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายเข้ากลางให้ เอดินสัน คาวานี ดีดลูกกลับหลังไปโดนเท้าของ มาร์เซโล กูเอเดส ปลิ้นเข้าประตูตัวเองไป สงเคราะห์ให้เจ้าบ้านนำ 1-0
ถัดมาอีก 4 oาที เปแอสเชมาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ คีเลียน เอ็มบัปเป้ โดน แฟร์กล็องด์ เมนดี้ เจตนาขัดขวางการเล่นด้วยการกอดดึงรั้งจนล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ผู้รับหน้าที่สังหารอย่าง คาวานี กลับซัดไปโดน อ็องโตนี โลเปส พุ่งปัดชนคานกระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย
ช่วงท้ายนาทีที่ 86 เจ้าบ้านมาบวกลูกสองปิดกล่อง จากจังหวะที่ เนย์มาร์ จ่ายทะลุช่องให้ เอ็มบัปเป้ หลุดเดี่ยวไปด้วยขวาติดเซฟ โลเปส แล้วกระดอนไปโดนขาของ เฌเรมี โมเรล ไหลเข้าประตูตัวเองไป ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นปารีส แซงต์ แชร์กแมงเอาชนะไปแบบไม่ต้องยิงเองสักประตูที่ 2-0 เก็บ 18 แต้มเต็มจากการชนะ 6 นัดรวด รั้งจ่าฝูงต่อไป ส่วนโอลิมปิก ลียงยังอยู่อันดับ 5 มี 11 คะแนนเท่าเดิม
